f
title
แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 1
Chiangmai 1 Highways District
วิสัยทัศน์ : มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้ก้าวทันกับความต้องการของผู้ใช้ถนน ทั้งความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ความพึงพอใจ ตามหลักวิศวกรรม
 
ข่าวสารทางหลวง
title
กรมทางหลวงขยายเวลาการยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนฯ โครงการที่พักริมทาง (Rest Area) บนมอเตอร์เวย์สาย 7 ออกไปอีก 1 เดือน กำหนดวันรับซองเอกสารข้อเสนอเป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2566

กรมทางหลวง ขยายกำหนดระยะเวลาการรับซองเอกสารข้อเสนอ สำหรับการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการที่พักริมทาง (Rest Area) บนมอเตอร์เวย์สาย 7 จากเดิมวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 เป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2566 ทั้งนี้ คาดว่าจะสรุปผลการคัดเลือกเอกชนภายในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567      นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่กรมทางหลวงได้ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทาง (Rest Area) บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วยโครงการศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา และโครงการสถานที่บริการทางหลวงบางละมุง และได้จำหน่ายเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal: RFP) ในช่วงวันที่ 23 สิงหาคม ถึง 22 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมีระยะเวลาสำหรับเอกชนในการจัดเตรียมข้อเสนอประมาณ 3 เดือน และมีกำหนดการรับซองเอกสารข้อเสนอในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 นั้น      เนื่องจากมีเอกชนผู้สนใจซื้อเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนได้มีข้อสอบถามเพื่อขอคำชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสาร RFP มาเป็นจำนวนมาก และมีประเด็นที่กรมทางหลวงจำเป็นต้องพิจารณาและตรวจสอบรายละเอียดเพื่อให้สามารถตอบชี้แจงเอกชนหรือออกเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนที่แก้ไขหรือเพิ่มเติม (RFP Addendum) ได้อย่างชัดเจนและรอบคอบ ดังนั้น เพื่อให้กรมทางหลวงได้พิจารณาประเด็นข้อคำถามต่าง ๆ ได้อย่างรอบคอบและเพื่อให้เอกชนมีระยะเวลาเพียงพอในการจัดทำข้อเสนอหลังจากได้รับเอกสารคำชี้แจงหรือ RFP Addendum แล้ว คณะกรรมการคัดเลือกฯ จึงเห็นชอบให้มีการขยายกำหนดการรับซองข้อเสนอออกไปอีกประมาณ 1 เดือน เป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2566 และขยายระยะเวลาเปิดรับคำถามจากเอกชนเพิ่มเติมถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 โดยได้แจ้งให้เอกชนผู้ซื้อเอกสาร RFP ทุกรายได้รับทราบทั่วกันแล้ว ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะดำเนินการคัดเลือกเอกชนแล้วเสร็จในต้นปี 2567 พร้อมลงนามสัญญาและเริ่มต้นก่อสร้างช่วงกลางปี 2567 เพื่อเปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการบางส่วนในปี 2568 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2569 ต่อไป
title
กรมทางหลวง สรุปอุบัติเหตุบนทางหลวงเดือนตุลาคม 2566 พบอุบัติเหตุลดลง 33% สาเหตุหลักขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด

กรมทางหลวง สรุปอุบัติเหตุบนทางหลวงเดือนตุลาคม 2566 พบอุบัติเหตุลดลง 33% สาเหตุหลักขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด กรมทางหลวง โดยสำนักอำนวยความปลอดภัย ได้สรุปรายงานข้อมูลอุบัติเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศประจำเดือนตุลาคม 2566 จากการรายงานอุบัติเหตุทางระบบ HAIMS พบว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นบนทางหลวงในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง จำนวน 992 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 126 คน ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 700 คน จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุ 1,570 คัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรมทางหลวงเสียหายประมาณ 11 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบสถิติอุบัติเหตุประจำเดือนตุลาคม 2565 จำนวนอุบัติเหตุลดลงจากปีที่ผ่านมา 33% ผู้เสียชีวิตลดลง 22% บาดเจ็บลดลง 32% จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุลดลง 32% ซึ่งสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด 74% (735 ครั้ง) รองลงมาได้แก่ หลับใน 7% (72 ครั้ง) และการตัดหน้าระยะกระชั้นชิด 7% (67 ครั้ง)สำหรับอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางตรง 67% (668 ครั้ง) ทางโค้ง 10% (101 ครั้ง) และจุดปิดเกาะกลางถนน 7% (78 ครั้ง) ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ ได้แก่ รถปิคอัพบรรทุก 4 ล้อ37% (587 คัน) รถยนต์นั่ง 30% (474 คัน) รถจักรยานยนต์ 10% (157 คัน) และรถบรรทุกมากกว่า 10 ล้อ (รถพ่วง) 8% (127 คัน) ซึ่งหากจำแนกตามภาคของการเกิดอุบัติเหตุพบว่าเส้นทางในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 24% ภาคตะวันออก 17% และภาคเหนือ 15% นอกจากนี้ ทางหลวงที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ทางหลวงหมายเลข 9บางปะอิน – แขวงรามอินทรา จำนวน 57 ครั้งทั้งนี้ กรมทางหลวงได้มีมาตรการแก้ไขที่ได้ดำเนินการร่วมกับตำรวจทางหลวงในการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจจับความเร็วยานพาหนะทุกประเภทที่วิ่งบนทางหลวงพร้อมทั้งให้แขวงทางหลวงดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยถนน ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการลดและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้ง ในช่วงฤดูฝนขอความร่วมมือผู้ใช้ทางโปรดขับขี่ด้วยความระมัดระวัง พักผ่อนให้เพียงพอและตรวจเช็คสภาพรถก่อนการเดินทางทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้ร่วมทางรวมถึงป้องกันและลดอุบัติเหตุให้ได้ประสิทธิผลอีกด้วยหากประชาชนผู้ใช้ทางต้องการแจ้งอุบัติเหตุหรือสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) สายด่วนมอเตอร์เวย์ 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง 8 พฤศจิกายน 2566ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง
title
กรมทางหลวง ขยายทางหลวงหมายเลข 404 สาย ตรัง - อ.ละงู ตอน บ.นา - บ.สามแยก จ.ตรัง ระยะทาง21.13 กิโลเมตร เป็น 4 ช่องจราจร แล้วเสร็จ เพิ่มศักยภาพการคมนาคมและขนส่ง รองรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC)

กรมทางหลวง ขยายทางหลวงหมายเลข 404 สาย ตรัง - อ.ละงู ตอน บ.นา - บ.สามแยก จ.ตรัง ระยะทาง21.13 กิโลเมตร เป็น 4 ช่องจราจร แล้วเสร็จ เพิ่มศักยภาพการคมนาคมและขนส่ง รองรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) กรมทางหลวง โดยสำนักก่อสร้างทางที่ 1 ดำเนินการโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 404 สาย ตรัง - อ.ละงู ตอน บ.นา - บ.สามแยก ระหว่าง กม.21+869 ถึง กม. 43+000 พื้นที่ จ.ตรัง ระยะทาง 21.13 กิโลเมตร แล้วเสร็จ ตามนโยบายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งพื้นที่ภาคใต้ให้มีศักยภาพ รองรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ทางหลวงหมายเลข 404 เป็นโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่ง อ.ย่านตาขาว - อ.ปะเหลียน - อ.ทุ่งหว้า - อ.ละงู ประชาชนนิยมเลือกใช้เส้นทางนี้เพื่อเดินทางระหว่าง จ.ตรัง และ จ.สตูล เป็นทางหลวงขนาด 2 ช่องจราจร เลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งทางหลวงสายดังกล่าวนี้ได้บรรจุไว้ในแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงภาคใต้ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก ปัจจุบันมีปริมาณการจราจรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรมทางหลวงจึงเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง และเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มสูงขึ้น จึงดำเนินการโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 404 สาย ตรัง - อ.ละงู ตอน บ.นา - บ.สามแยก ระหว่าง กม. 21+869 ถึง กม. 43+000 รวมระยะทางทั้งหมด 21.13 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 1,054.947 ล้านบาท โดยทำการก่อสร้างจากเดิมขนาด 2 ช่องจราจร (ไป - กลับ) เป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษขนาด 4 ช่องจราจร (ไป - กลับ) ผิวจราจรแอสฟัลต์คอนกรีต ช่องจราจรกว้าง 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้าง 2.50 เมตร แบ่งทิศทางการจราจรด้วยเกาะกลางแบบถมดิน และติดตั้งระบบระบายน้ำ ก่อสร้างจุดกลับรถระดับเดียวกับถนน รวมงานติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเดินทาง เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน และส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ เช่น การท่องเที่ยว การค้าขาย การลงทุน เป็นต้น รองรับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งอ่าวไทย – อันดามัน ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาค-------------------------------------สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่??Website : www.doh.go.th??Facebook : @departmentofhighway??Twitter : @prdoh1??TiKTOK : https://www.tiktok.com/@doh.thailand ------------------------------------ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักงานเลขานุการกรม กรมทางหลวง